foto1
foto1
foto1
foto1
foto1

Excel

Database

Internet of Things (IoT)

Cloud Computing

Content Management System : CMS

กล้วยไม้ หรือ เอื้อง เป็นพืชดอกที่มีความหลากหลายมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง จำแนกเป็น

1. สกุลสิงโตกลอกตา (Bulbophyllum) เป็นกล้วยไม้สกุลหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า "บัลโบฟิลลัม" (En:Bulbophyllum) ซึ่งมาจากรากศัพท์ในภาษากรีกคือ bulbos แปลว่า "หัว" กับ phyllon แปลว่า "ใบ" หมายถึงลักษณะที่ก้านใบพองคล้ายหัว เป็นกล้วยไม้ที่มีการเติบโตแบบ Sympodial เช่นเดียวกับ กล้วยไม้สกุลหวาย สกุลคัทลียา มีเหง้าและลำลูกกล้วย ซึ่งต่างกันแล้วแต่ชนิด มีทั้งชนิดที่มีลำลูกกล้วยขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ บางชนิดลำลูกกล้วยตั้งตรง บางชนิดนอนราบไปกับเหง้า มีใบที่ปลายลำลูกกล้วยหนึ่งหรือสองใบแล้วแต่ชนิด มีตั้งแต่ใบเล็กมากจนถึงใบค่อนข้างใหญ่ ดอกมีทั้งดอกเดี่ยวและดอกช่อ ก้านช่อดอกเกิดที่ฐานของลำลูกกล้วย บางชนิดเกิดที่ข้อของเหง้า ดอกมีตั้งแต่ขนาดเล็กมากจนถึงค่อนข้างใหญ่ ลักษณะดอกและสีสันสวยงามแตกต่างกันแล้วแต่ชนิด

กล้วยไม้สกุลสิงโตกลอกตาเป็นกล้วยไม้ที่มีการเติบโตแบบ Sympodial เช่นเดียวกับ กล้วยไม้สกุลหวาย สกุลคัทลียา มีเหง้าและลำลูกกล้วย ซึ่งต่างกันแล้วแต่ชนิด มีทั้งชนิดที่มีลำลูกกล้วยขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ บางชนิดลำลูกกล้วยตั้งตรง บางชนิดนอนราบไปกับเหง้า มีใบที่ปลายลำลูกกล้วยหนึ่งหรือสองใบแล้วแต่ชนิด มีตั้งแต่ใบเล็กมากจนถึงใบค่อนข้างใหญ่ ดอกมีทั้งดอกเดี่ยวและดอกช่อ ก้านช่อดอกเกิดที่ฐานของลำลูกกล้วย บางชนิดเกิดที่ข้อของเหง้า ดอกมีตั้งแต่ขนาดเล็กมากจนถึงค่อนข้างใหญ่ ลักษณะดอกและสีสันสวยงามแตกต่างกันแล้วแต่ชนิด

2. สกุล เอปิเดนดรัม (Epidendrum) หรือ กล้วยไม้ดาว

3. สกุลหวาย (Dendrobium)เป็นสกุลหนึ่งของพืชวงศ์กล้วยไม้ ตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1779 โดย Peter Olof Swartz ชาวสวีเดน มาจากรากศัพท์ภาษากรีก คือ "dendron" (ต้นไม้) และ "bios" (ชีวิต) หมายถึงสิ่งมีชีวิตที่อาศัยบนต้นไม้อื่น Dendrobium

4. สกุล Pleurothallis เป็นกล้วยไม้อิงอาศัย (epiphytic) โดยทั่วไปมักเจริญเติบโตในสภาพอากาศที่อบอุ่น ในป่าเขตร้อน มักเจริญเติบโตอยู่ท่ามกลางมอส หรือบนกิ่งไม้ที่ไม่สูงนัก ไม่ทนทานต่อแสงแดด กล้วยไม้สกุลนี้บางชนิดออกดอกบริเวณกลางใบ ดอกมีขนาดเล็กมาก

เอื้องครั่งสั้น เป็นกล้วยไม้อิงอาศัย ลำต้นรูปแท่งดินสอกลม เส้นผ่าน ศูนย์กลาง 1 ซม. ยาว 15-30 ซม. ห้อยลง ใบ รูปขอบขนาน กว้าง 1.5-2 ซม. ยาว 5-6 ซม. ทิ้งใบเมื่อผลิดอก ดอก ออกเป็นช่อ ตามข้อ จำนวน 1-3 ดอกต่อช่อ กลีบเลี้ยงและกลีบดอกสีม่วงแดง กลีบปากมีแต้มสีม่วงเข้มสองข้างที่โคนกลีบ ดอกบานเต็มที่ กว้าง 5 ซม. มีกลิ่นหอม พบตามป่าดิบเขา ที่ระดับความสูง 800-1,800 เมตร ทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่บ้าน(เชียงใหม่) ออกดอกประมาณ เม.ย.-มิ.ย.

เอื้องสายหลวงใต้ (Dendrobium anosmum) ลำต้นเมื่อโตเต็มที่แล้วจะมี ขนาดใหญ่โต ความยาวของลำลูกกล้วยสามารถยาวได้มากกว่า 2 เมตร เมื่อถึงฤดูกาลให้ดอก สายหลวง จะให้ดอกพลั่งพลู ที่ลักษณะดอกสายหลวงใต้มีลักษณะดอกที่แปลกกว่าที่อื่น ผิวปากของสายหลวงชนิดนี้ พบว่ามันมีขนหยุบหยับเต็มไปหมด บ้าน(เชียงใหม่) ออกดอกประมาณ มี.ค.-พ.ค. ดอกมีกลิ่นหอม

การปลูกสามารถปลูกทั้งให้เกาะต้นไม้ใหญ่ในบริเวณบ้าน หรือปลูกลงกระถางคว่ำห้อยลง ใช้กาบมะพร้าวแห้งที่หมดความฝาด(มะพร้าวสับแช่น้ำทิ้งไว้) หรือซากต้นกระเช้าสีดาแห้งหุ้มบริเวณรากของ “เอื้องสายหลวงใต้” จากนั้นใช้ลวดผูกรัดให้ยึดแน่นกับต้นไม้ หรือกระถางปลูก รดน้ำและให้ปุ๋ยสม่ำเสมอ

เอื้องสายม่วง, สายครั่งยาว เป็นกล้วยไม้อิงอาศัย ลำต้นรูปคล้ายแท่งดินสอกลม ห้อยลง ยาว 50-70 ซม. เส้นผ่านศูนย์กลาง 1-1.8 ซม. ใบ รูปไข่แกมขอบ ขนาน กว้าง 1.5-2 ซม. ยาว 7-10 ซม. ทิ้งใบเมื่อผลิดอก ดอก ออกเดี่ยวหรือเป็นช่อแขนงสั้นๆ ตามข้อ กลีบเลี้ยงและ กลีบดอกสีม่วงอมแดง กลีบปาก สีขาวมีขนนุ่มและมีแต้ม สีม่วงอมแดงเข้มที่ขอบกลีบและกลางกลีบ ดอกบานเต็มที่ กว้าง 6 ซม. พบตามป่าดิบ ที่ระดับความสูง 300-800 เมตร ทาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันตก ที่บ้าน(เชียงใหม่) ออกดอกประมาณ มี.ค.-เม.ย.

เอื้องสายสามสี (เอื้องนางฟ่อน) Dendrobium crystallinum Rchb. f. ชอบอากาศค่อนข้างเย็น และ ชุ่มชื้น บ้าน(เชียงใหม่) ออกดอกประมาณ พ.ค. - มิ.ย.